สิ่งที่ควรปฏิบัติในการรีไฟแนนซ์รถยนต์
การสมัครรีไฟแนนซ์รถยนต์ก็เช่นเดียวกันถ้าใครยังไม่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายเวลาที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน แล้วล่ะก็ มักจะไม่เคยสนใจกับพฤติกรรมทางการเงินของตนเองสักเท่าไหร่ มีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ใช้ โดยเฉพาะคนที่มีอายุน้อยๆ หรือพวกที่พ่อแม่รวย ไม่เคยรับรู้ กับทุกข์ร้อนจากการไม่มีเงิน มีทอง เรียกว่า อยากได้ ก็ซื้อ แก้ไขกันไปวันต่อวัน ถ้าไม่มีจริงๆ ก็หยิบยืมอะไรกันไป บทความนี้จึงอยากจะฉายให้คนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ วิกฤตทางด้านการเงินเกี่ยวกับการ”รีไฟแนนซ์รถยนต์”ได้รู้ว่า เวลาที่เรามีเงิน หรือหาเงินได้ ควรจะเก็บเอาไว้บ้าง ควรจะนำไปลงทุนบ้าง ไม่ควรจะเอาไปใช้จ่ายสุลุ่ย สุร่ายโดยที่มั่นใจว่า เราจะมีหลักมีฐานทางด้านการเงิน แบบนี้ไปตลอด ประสบการณ์นี้เกิดกับบางคนที่ได้เรียนจบใหม่ๆ จากสถาบันการศึกษา และได้งานที่เงินเดือนค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน พอมีรายได้เป็นของตนเอง สิ่งแรกๆ เลยที่ทำก็คือ ซื้อรถยนต์ แต่แรกๆ แค่มีรายได้เอง ไม่ได้มีเงินก้อน ก็อุตส่าห์หยิบยืมเงินของเพื่อน เพื่อเป็นเงินดาว์น โดยที่รถธรรมดา ไม่เอา แต่ได้รถราคาเป็นล้าน โดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า เงินที่ใช้ผ่อน นั้น เกินกว่า ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนเริ่มต้นเสียอีก แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก และทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาจริงๆ ก็ทำงานไปผ่อนรถไป มีรถหรูขับ และเมื่อมีอิสระก็เริ่มอยากจะแยกออกมาอยู่คอนโดคนเดียว จึงตัดสินใจซื้อคอนโดต่อเข้าไปอีก ทำให้เงินเดือนของเรา ณ ขณะนั้น ถึงแม้จะมีเงินขึ้นเรื่อยๆ แต่ภาระจากการผ่อนทั้งรถ และคอนโด โดยที่ไม่มีเงินสดเป็นก้อนๆ นั้น มากกว่า เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน จึงเริ่มรู้สึกตึงมือ เงินบางเดือนชนเดือน บางเดือนปลายเดือนต้องประหยัดๆ ถ้าไม่พอ ต้องขอยืม (แบบไม่คืน) แต่ไม่พอใช้ สุดท้ายลองมองหาวิธีการต่างๆ เช่น การรีไฟแนนซ์รถยนต์ เพื่อจะประหยัดค่าผ่อน จึงตัดสินใจทำเรื่องรีไฟแนนซ์รถยนต์ไป เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินให้เหลือผ่อนได้เพียงพอมากขึ้น
ดังนั้น หากใครต้องการมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองจึงต้องวางแผนการเงินให้ดี และมีวินัยในการใช้จ่าย เพราะหากใช้จ่ายไม่พอแล้วปัญหาหนี้สินจะตามมาให้เราต้องมาคอยแก้อยู่เสมอเช่นเดียวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์